Google จัดเต็ม! ยกระดับ Search ยุคใหม่ด้วย AI และ Deep Think เสริมพลังให้ Gemini ฉลาดกว่าเดิม
ยุคใหม่ของการค้นหากำลังจะเริ่มต้นขึ้นจริง ๆ แล้วล่ะ เพราะในงาน Google I/O 2025 ที่เพิ่งผ่านไป กูเกิลประกาศชัดแบบไม่ต้องตีความว่า “AI คือหัวใจหลักของอนาคตการค้นหา” ไม่ใช่แค่ปรับนิดอัปหน่อยนะ แต่นี่คือการ ปฏิวัติ Google Search ครั้งใหญ่ ที่พาเราเข้าสู่ยุคของการค้นหาแบบใช้สมองกลจริง ๆ — ไม่ใช่แค่พิมพ์คำแล้วเจอลิงก์ยาวเหยียดเหมือนแต่ก่อน แต่จะเป็นการค้นหาที่เข้าใจความต้องการของเราลึกขึ้น คิดวิเคราะห์ให้เราได้ และบางครั้งก็อาจจะตอบแทนเราด้วยมุมมองที่เราไม่ทันคิดด้วยซ้ำ ซึ่งหลาย ๆ แพลตฟอร์มรวมถึง ThaiSEOLink ก็กำลังจับตามองแนวทางใหม่นี้อย่างใกล้ชิด เพราะอาจเปลี่ยนวิธีการทำ SEO และสร้างคอนเทนต์ไปโดยสิ้นเชิง
หนึ่งในของใหม่ที่เรียกเสียงฮือฮาไปทั่วโลกคือ โหมด AI Search ที่มาพร้อมฟีเจอร์สุดล้ำอย่าง Deep Search ที่ไม่ใช่แค่ “เสิร์ชหา” แต่เป็นการ “สังเคราะห์คำตอบ” ให้แบบรอบด้าน ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเราอยากจองตั๋วคอนเสิร์ตดี ๆ สักใบ ระบบนี้จะไปขุดข้อมูลจากหลายแหล่งมาประมวลผลให้เลยว่าเว็บไหนราคาดีสุด วันไหนคนน้อยสุด หรือแม้แต่แนะนำว่าให้จองล่วงหน้ากี่วันถึงจะคุ้มสุด — คือคิดให้ลึกซึ้งแบบเพื่อนรู้ใจเลยล่ะ

ยังไม่หมดแค่นั้น! กูเกิลยังเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ชื่อว่า Search Live ที่ให้เรา “พูดคุยกับ Search Engine” ได้แบบเรียลไทม์ หรือใช้กล้องมือถือส่องของจริง ๆ แล้วถามได้เลยว่ามันคืออะไร ใช้ยังไง ซื้อที่ไหนถูกสุด — เหมือนมีผู้ช่วยฉลาด ๆ ติดตัวอยู่ตลอดเวลา และถ้าใครกลัวว่าจะลืมสิ่งที่เคยค้นไปก่อนหน้า ตอนนี้ก็มีระบบเข้าถึงประวัติการค้นหาแบบมีบริบท ซึ่งจะทำให้การค้นหาในอนาคตฉลาดขึ้นอีก (แต่ต้องให้เราอนุญาตก่อนนะ)
ที่น่าตื่นเต้นอีกอย่างคือการเปิดตัวของ Deep Think โหมดการให้เหตุผลที่ยกระดับขึ้นมาสำหรับโมเดล AI ตัวเทพอย่าง Gemini 2.5 Pro ซึ่งจะทำให้โมเดลพิจารณาหลาย ๆ มุมก่อนจะตอบเราออกมา นี่คือก้าวใหม่ของ AI ที่ไม่ได้แค่ “จำคำตอบได้” แต่ “คิด วิเคราะห์ และสังเคราะห์” ให้ก่อนพูด — ฉลาดแบบมีเหตุผล ไม่ใช่แค่จำ ๆ มา ส่วนใครที่ชอบเวอร์ชันเบา ๆ กูเกิลก็ไม่ลืมคุณ เพราะ Gemini 2.5 Flash ก็ได้อัปเกรดความสามารถรอบด้านเช่นกัน ทั้งเรื่องโค้ด การใช้ข้อมูลหลายรูปแบบ หรือแม้แต่การจับบริบทแบบยาว ๆ — คือพกพาง่าย แต่สมองยังโหดอยู่เหมือนเดิม
ไม่พอแค่นั้น! ยังมีของใหม่อย่าง Gemini Diffusion ที่กำลังอยู่ในช่วงทดลอง ซึ่งกูเกิลบอกว่าเร็วกว่าโมเดลสร้างภาพอื่น ๆ ถึง 4-5 เท่า! ใครที่ชอบสายงานครีเอทีฟเตรียมเฮกันได้เลย เพราะนี่อาจเป็นของเล่นชิ้นใหม่ที่เปลี่ยนเกมของคุณได้แบบไม่รู้ตัว
บนเวทีวันนั้น ซุนดาร์ พิชัย ซีอีโอของกูเกิลยังพูดด้วยความมั่นใจว่า Gemini มีผู้ใช้งานทะลุ 400 ล้านคนต่อเดือนแล้ว ตัวเลขนี้ไม่ไกลจาก ChatGPT ที่มียอดใช้ราว 600 ล้านคนเลยด้วยซ้ำ ซึ่งก็ชัดเจนมากว่า Gemini กำลังกลายเป็นคู่แข่งตัวจริงของ OpenAI ในสงคราม AI ที่ดุเดือดที่สุดในตอนนี้
และการผสาน AI ก็ไม่ได้หยุดแค่การค้นหา เพราะกูเกิลกำลังขยายการใช้งาน AI ไปยังแอปยอดฮิตอย่าง Gmail ด้วย โดยจะมีระบบตอบอีเมลอัจฉริยะที่ใช้ Gemini วิเคราะห์ข้อมูลจากกล่องจดหมายและ Google Drive มาช่วยให้เราตอบเมลได้ตรงประเด็น สอดคล้องกับบริบท และที่สำคัญคือยังคงน้ำเสียงความเป็นเราไว้ได้ด้วย — บอกเลยว่าทั้งสะดวก ทั้งชาญฉลาด ในแบบที่หลายคนรอคอยมานาน
ทั้งหมดนี้สะท้อนให้เห็นชัด ๆ ว่า Google ไม่ได้แค่ “เล่นกับ AI” แต่ “เปลี่ยนโลกด้วย AI” จริง ๆ และถ้าทุกอย่างเป็นไปตามแผน โลกของการค้นหาที่เราเคยรู้จักก็อาจจะเปลี่ยนไปตลอดกาล — และเราเองก็เป็นคนยุคแรก ๆ ที่จะได้สัมผัสมันด้วยตัวเอง