Grab vs Bolt แอปเรียกรถยอดนิยมในไทย แอปไหนคุ้มกว่า Blog 06 มิ.ย. 2025 16 share tweet share ในยุคที่การเดินทางในเมืองใหญ่กลายเป็นเรื่องที่ต้องการความสะดวก รวดเร็ว และคุ้มค่า แอปเรียกรถอย่าง Grab และ Bolt ได้กลายเป็นสองผู้เล่นหลักในตลาดไทยที่ผู้ใช้นิยมเลือกใช้มากที่สุด แต่ถ้าต้องเลือกแอปเดียวติดเครื่องไว้… Grab vs Bolt แอปเรียกรถ แอปไหนคุ้มกว่า? เราThaiSeoLinkมาแยกวิเคราะห์ให้เห็นภาพกันชัด ๆ ทั้งข้อดี ข้อเสีย และความเหมาะสมของแต่ละแอป สารบัญ ศึกค่ารถที่ถูกกว่าใคร แอปไหนประหยัดกว่ากัน Grab vs Bolt แอปเรียกรถ 🚕 Grab – ครบ จบ ในแอปเดียวGrab ถือว่าเป็นแอปเรียกรถรุ่นบุกเบิกของไทย ด้วยการให้บริการที่หลากหลายทั้ง GrabCar, GrabBike, GrabFood, GrabExpress และอื่น ๆ อีกมากมาย✅ ข้อดีของ Grabครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศ: ไม่ว่าจะอยู่กรุงเทพฯ เชียงใหม่ หรือหัวเมืองใหญ่ส่วนมาก ก็มีคนขับให้บริการบริการเสริมหลากหลาย: สามารถเรียกรถ, สั่งอาหาร, ส่งของ ได้ภายในแอปเดียวระบบความปลอดภัยมั่นใจได้: มีระบบติดตาม GPS, แชทในแอป, บันทึกเสียงการเดินทางคะแนนสะสม GrabRewards: ใช้แลกส่วนลดหรือของรางวัลได้มีฟีเจอร์จองล่วงหน้า: สะดวกสำหรับการวางแผนเดินทาง❌ ข้อเสียของ Grabราคาค่อนข้างสูงกว่าคู่แข่ง โดยเฉพาะช่วงพีคหรือฝนตกมีการคิดราคาตามสภาพจราจรและดีมานด์ อาจเจอราคาพุ่งหลายเท่าในบางช่วงโปรโมชั่นมักจำกัดสิทธิ์ หรือใช้ได้เฉพาะบัตรเครดิตบางเจ้า🎯 เหมาะกับใคร?ผู้ใช้ที่ต้องการ ความครบจบในแอปเดียว, เดินทางในหลายพื้นที่, ต้องการความปลอดภัยสูง และมีงบประมาณที่ยืดหยุ่น🚖 Bolt – ราคาประหยัด เรียกรถได้ไวBolt เข้ามาเป็นคู่แข่งสำคัญในตลาดเรียกรถของไทย ด้วยจุดขายหลักคือ “ราคาถูกกว่าเห็นได้ชัด” และระบบการคิดค่าบริการที่โปร่งใสแบบราคาคงที่ (Flat rate)✅ ข้อดีของ Boltราคาถูกกว่าชัดเจน: โดยเฉลี่ยจะประหยัดกว่าการใช้ Grab ได้ 15–30% ต่อเที่ยวไม่มี Surge Pricing: ราคาไม่พุ่งในช่วงพีค ไม่ต้องกลัวโดนคิดราคาแพงในวันฝนตกอินเทอร์เฟซเรียบง่าย: เปิดแอปแล้วเรียกรถได้เลย ไม่มีฟีเจอร์ซับซ้อนโปรโมชันแบบตรงไปตรงมา: ลดจริง ไม่ต้องสะสมแต้มให้วุ่นวาย❌ ข้อเสียของ Boltให้บริการในบางพื้นที่เท่านั้น: ส่วนใหญ่ใช้ได้ในเขตเมือง เช่น กรุงเทพฯ, เชียงใหม่, พัทยาจำนวนคนขับอาจน้อยกว่าในบางช่วงเวลา: ทำให้รอรถนานกว่าบางครั้งความหลากหลายของบริการน้อย: ไม่มีสั่งอาหาร ส่งของ ฯลฯ แบบ Grabไม่มีระบบสะสมแต้มหรือสิทธิพิเศษยาว ๆ🎯 เหมาะกับใคร?ผู้ใช้ที่ต้องการ ประหยัดค่าเดินทาง, ใช้ในเมืองใหญ่, ไม่เน้นฟีเจอร์อื่น ๆ และอยากได้ราคาคงที่แบบไม่มีเซอร์ไพรส์ เคล็ดลับเรียกรถให้ประหยัดมากขึ้น ฉบับคนเมืองรู้ทันแอป 💡 เช็คราคา “ก่อน” เรียก พร้อมเทียบหลายแอปเปิดทั้ง Grab, Bolt, inDrive หรือ LINE MAN Taxi แล้วเปรียบเทียบราคาก่อนกดราคาอาจต่างกันถึง 20–40% ในช่วงเวลาเดียวกันอย่าเชื่อแอปเดียว ถ้าคุณอยากประหยัดจริง📅 เลี่ยงช่วงเวลาพีค (Surge Pricing)เวลาเช้า (7:00–9:00) และเย็น (17:00–19:00) ราคามักพุ่งสูงถ้าเลื่อนเวลาออกเดินทางได้แม้เพียง 15–30 นาที ก็ช่วยประหยัดได้หลายสิบบาทวันฝนตก = ราคาอาจพุ่ง 2–3 เท่า🎟 ใช้โค้ดส่วนลดและโปรโมชันให้เป็นตรวจสอบหน้า “โปรโมชัน” ในแอปทุกครั้งก่อนเรียกรถเชื่อมบัญชีกับบัตรเครดิต/เดบิตที่มีโปรร่วม เช่น SCB, KBank, หรือบัตรเครดิต Grabสมัคร GrabRewards / Bolt Rewards เพื่อสะสมแต้มและรับสิทธิ์พิเศษ📍 เปลี่ยนจุดรับ-ส่งเล็กน้อยลองเดินออกมาจากห้าง/จุดรถติด 100–200 เมตร บางครั้งราคาลดลงทันทีเรียกรถในตรอกหรือซอย รถเข้าถึงยาก อาจทำให้รอนานหรือราคาขึ้นอย่าลืมสังเกตเส้นทางว่าแอปพาอ้อมไหม – บางครั้งเปลี่ยนปลายทางนิดเดียวก็ถูกลงขอบคุณแหล่งที่มาข้อมูลGrab vs Bolt แอปเรียกรถ : grab tags: BoltGrabThaiSeoLinkแอปเรียกรถ เรื่องที่เกี่ยวข้อง รีวิวหนัง ความบันเทิง 10 ที่เรื่องควรรู้ก่อนไปดู From the World of John Wick: Ballerina (2025) สัตว์เลี้ยง 8 ไอเดียแต่งบ้านเอาใจคนรักสัตว์ เปลี่ยนบ้านให้เป็นสวรรค์ของสัตว์เลี้ยง โปรโมชั่น GrabFood ข้อเสนอที่พิเศษยิ่งกว่า ตัวช่วยประหยัดเงินในแต่ละมื้อ ท่องเที่ยว สวนสัตว์ขอนแก่น เที่ยวสนุกทั้งครอบครัว ท่ามกลางธรรมชาติที่สมบูรณ์ ท่องเที่ยว ภูกระดึง เที่ยวทั้งที ต้องมีเรื่องเล่า ท่องเที่ยว เขาช่องลม นครนายก “กรีนแลนด์เมืองไทย” สวรรค์ของสายธรรมชาติ