ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา เราได้เห็นชื่อของ “Gemini” โผล่ขึ้นมาในบทสนทนาเกี่ยวกับ AI บ่อยขึ้นเรื่อย ๆ ไม่ใช่แค่ในหมู่นักเทคโนโลยีหรือนักพัฒนาเท่านั้น แต่แม้กระทั่งคนทั่วไปที่ไม่เคยใช้ AI มาก่อนก็เริ่มพูดถึงชื่อนี้อย่างสนใจ จุดที่น่าสนใจก็คือ Gemini ไม่ได้เป็นเพียงแค่ผลิตภัณฑ์จาก Google แต่กลายเป็นตัวเปลี่ยนเกมที่ทำให้ผู้คนหลากหลายกลุ่ม เริ่มเปิดใจและลองใช้งาน AI อย่างจริงจัง
5. เป็นของ Google เชื่อถือได้และผสานกับบริการอื่นได้ดี
ความเชื่อมั่นในแบรนด์ Google เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้หลายคนกล้าลองใช้ Gemini เพราะเราคุ้นเคยกับบริการของ Google อยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็น Gmail, Google Calendar, Google Maps หรือ Google Drive
เมื่อ Gemini สามารถทำงานร่วมกับบริการเหล่านี้ได้อย่างลื่นไหล เช่น เขียนอีเมลให้ทันทีจากข้อมูลใน Docs หรือสรุปการประชุมจาก Google Meet ก็ยิ่งทำให้คนรู้สึกว่า Gemini ไม่ใช่แค่ AI อื่น ๆ แต่เป็น “ผู้ช่วย” ที่เข้ามาเติมเต็มสิ่งที่เราขาดได้จริง
แล้ว Chatgpt อยู่ตรงไหน? อะไรคือความแตกต่าง?
และ Ai ที่เราไม่พูดถึงไม่ได้เลย นั่นก็คือ CHATGPT ทำให้เกิดคำถามว่าถ้า User หันมาสนใจ Gemini มากยิ่งขึ้น แล้ว Chatgpt อยู่ตรงไหน? อะไรคือความแตกต่าง? แน่นอนว่าคงคำตอบคงมีหลายแบบและปัจเจกมากๆ เพราะฉะนั้น Thaiseolink เลยขอสรุปความแตกต่างระหว่างทั้งสองค่ายไว้แบบนี้ค่ะ
ChatGPT เหมาะกับคนที่ต้องการ AI ที่ “เข้าใจภาษา” ดีเยี่ยม, สร้างภาพสวย, และมีความยืดหยุ่นสูง
Gemini เหมาะกับคนที่ใช้งาน Google อยู่แล้ว ต้องการ AI ที่ทำงานร่วมกับ Docs, Gmail และเข้าใจข้อมูลหลายรูปแบบพร้อมกัน
ความแตกต่างระหว่าง ChatGPT และ Gemini
1. ผู้สร้างและความเชื่อมั่น
ChatGPT ถูกพัฒนาโดย OpenAI บริษัทที่มี Microsoft สนับสนุนอยู่เบื้องหลัง
Gemini เป็น AI จาก Google ที่รวมทีม DeepMind กับทีม Search เดิมเข้าด้วยกัน จึงมีฐานผู้ใช้มหาศาลที่เชื่อมั่นในบริการของ Google อยู่แล้ว