วันพุธ, 30 กรกฎาคม 2568

เบื้องหลังเขาพระวิหาร ปมร้อนระหว่างกัมพูชา-ไทยที่ยังไม่จางหาย

29 ก.ค. 2025
24
เบื้องหลังเขาพระวิหาร

เขาพระวิหาร หรือในภาษากัมพูชาเรียกว่า “เปรียะวิเฮียร์” (Preah Vihear) เป็นโบราณสถานศักดิ์สิทธิ์ยุคขอมโบราณที่ตั้งตระหง่านบนหน้าผาสูงชันของเทือกเขาพนมดงรัก พื้นที่รอบปราสาทแห่งนี้เป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญที่กลายเป็นต้นเหตุของความขัดแย้งระหว่าง ไทยและกัมพูชา มายาวนานหลายสิบปี แม้เวลาจะผ่านไป แต่ “ปมร้อน” นี้ก็ยังไม่จางหาย และยังคงสะท้อนความซับซ้อนของประวัติศาสตร์ ความรู้สึกของผู้คน และการเมืองระหว่างประเทศ

จุดเริ่มต้นของความขัดแย้ง: แผนที่ที่ไม่ตรงกัน

จุดเริ่มของปัญหาย้อนกลับไปถึงยุคล่าอาณานิคม เมื่อฝรั่งเศสเข้ามามีบทบาทในอินโดจีน และจัดทำ แผนที่ภาคผนวก (Annex I Map) โดยแสดงให้เห็นว่าเขาพระวิหารอยู่ในดินแดนกัมพูชา ซึ่งขณะนั้นเป็นอาณานิคมของฝรั่งเศส
แม้แผนที่นี้จะถูกจัดทำโดยฝ่ายฝรั่งเศส แต่ทางการไทยในขณะนั้นไม่ได้คัดค้านอย่างชัดเจน นำไปสู่การตีความว่าไทยยอมรับแผนที่โดยปริยายThaiSeoLink

เบื้องหลังเขาพระวิหาร

คดีในศาลโลก 1962: กัมพูชาเป็นฝ่ายชนะ แต่ไม่จบแค่คำตัดสิน

ในปี 2505 (1962) กัมพูชายื่นเรื่องต่อ ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) ให้ชี้ขาดเขตแดนของปราสาท และ ศาลมีคำตัดสินว่า “ตัวปราสาทเขาพระวิหาร” อยู่ในอธิปไตยของกัมพูชา
รัฐบาลไทยในขณะนั้นยอมถอนกำลังทหารออกจากพื้นที่ตัวปราสาท แต่ยังมีความไม่ชัดเจนเกี่ยวกับ “พื้นที่โดยรอบ” ซึ่งไทยยังคงถือว่าบางจุดเป็นดินแดนของตนเอง ทำให้ความขัดแย้งยังคงปะทุเป็นระยะ

ความขัดแย้งสมัยใหม่: ความรู้สึกชาติและการเมืองภายใน

ในปี 2008 ปราสาทเขาพระวิหารได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยยูเนสโกในนามของกัมพูชา สร้างความไม่พอใจให้กับฝ่ายไทย โดยเฉพาะกลุ่มชาตินิยม เพราะมองว่าเป็นการ “ผูกขาดทางวัฒนธรรมและสิทธิในพื้นที่”
สถานการณ์ลุกลามไปสู่การปะทะชายแดนอย่างรุนแรงหลายครั้งระหว่างกองกำลังไทย–กัมพูชา ในช่วงปี 2010–2011 ซึ่งมีผู้เสียชีวิตทั้งทหารและพลเรือน สร้างความตึงเครียดในระดับภูมิภาค

คำร้องขอตีความใหม่ปี 2011: การกลับมาของศาลโลก

กัมพูชาได้ยื่นขอให้ศาลโลกตีความคำตัดสินเดิมอีกครั้ง เพื่อให้ชัดเจนว่าพื้นที่โดยรอบเขาพระวิหารควรอยู่ภายใต้อธิปไตยของกัมพูชาด้วยหรือไม่
ในปี 2013 ศาลมีคำวินิจฉัยเพิ่มเติมว่า “ไทยต้องถอนกำลังออกจากพื้นที่รอบปราสาทที่ศาลชี้ว่าอยู่ในอธิปไตยของกัมพูชา”
แต่ก็ยังไม่ได้ตีความขอบเขตชัดเจนว่า “โดยรอบ” หมายถึงแค่ไหน ปล่อยให้เป็นเรื่องของการเจรจาทวิภาคีระหว่างสองประเทศ