ในช่วงที่สถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชากำลังตึงเครียด ความพร้อมของระบบสาธารณสุข โดยเฉพาะ คลังโลหิตสำรอง กลายเป็นสิ่งจำเป็นเร่งด่วน โรงพยาบาลในพื้นที่แนวชายแดนหลายแห่งเริ่มประสบปัญหา “ขาดแคลนเลือด” ส่งผลกระทบต่อการรักษาผู้ป่วยฉุกเฉินและทหารที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุปะทะ ท่ามกลางความไม่แน่นอนนี้ หน่วยงานสาธารณสุขจึงผนึกกำลังเปิด จุดรับบริจาคเลือดทั่วประเทศ เพื่อระดมโลหิตจากประชาชน พร้อมลำเลียงส่งต่ออย่างเร่งด่วนไปยังโรงพยาบาลชายแดนThaiSeoLink
🩸 ทำไมต้องบริจาคเลือดตอนนี้?
- โรงพยาบาลชายแดน เช่น สุรินทร์ ศรีสะเกษ บุรีรัมย์ อุบลราชธานี กำลังใช้เลือดในปริมาณที่สูงขึ้นอย่างรวดเร็ว
- โลหิตบางกรุ๊ป เช่น O และ B เริ่มขาดแคลนในคลังสำรอง
- การเคลื่อนย้ายผู้บาดเจ็บในสถานการณ์ฉุกเฉินจำเป็นต้องใช้เลือดทันที หากไม่มีสำรองไว้ล่วงหน้าอาจเกิดความสูญเสียได้
📍 จุดรับบริจาคเลือดที่สามารถร่วมได้ทั่วไทย
✅ ศูนย์หลัก:
- ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย (ปทุมวัน, กรุงเทพฯ)
- หน่วยรับบริจาคประจำจังหวัด สังกัดโรงพยาบาลประจำจังหวัด
- รถรับบริจาคโลหิตเคลื่อนที่ ที่หมุนเวียนประจำแต่ละเขต (สามารถเช็กตารางล่วงหน้า)
✅ ช่องทางติดตามพิกัด:
- เว็บไซต์: www.blooddonationthai.com
- Facebook: สภากาชาดไทย
- Line Official: Thai Red Cross Blood Center
- โทรสายด่วนกาชาด 0-2256-4300
🚑 โลจิสติกส์การขนส่งโลหิต: จากใจคนไทย สู่แนวหน้า
หลังได้รับบริจาค โลหิตจะถูกตรวจคุณภาพ แยกส่วน (เกล็ดเลือด, พลาสมา) และบรรจุในถุงรักษาอุณหภูมิคงที่ โดยใช้ รถเย็นเฉพาะทาง หรือความร่วมมือกับหน่วยงานกู้ชีพในการส่งต่อให้ถึงมือโรงพยาบาลชายแดนภายใน 6–12 ชั่วโมง
นอกจากนี้ยังมี ศูนย์รวบรวมและกระจายโลหิตเฉพาะกิจ ที่จัดตั้งชั่วคราวในจังหวัดใกล้ชายแดน เพื่อให้กระจายเลือดได้รวดเร็วยิ่งขึ้น
👩⚕️ ใครบ้างที่สามารถบริจาคได้?
- อายุ 17–70 ปี (ผู้มีอายุ 17 ปี ต้องได้รับความยินยอมจากผู้ปกครอง)
- น้ำหนักเกิน 45 กิโลกรัม
- สุขภาพแข็งแรง ไม่มีโรคประจำตัวร้ายแรง
- ไม่มีประวัติเสี่ยงต่อโรคติดต่อทางเลือดในช่วง 3–6 เดือนที่ผ่านมา
หากบริจาคครั้งล่าสุดผ่านไป มากกว่า 3 เดือน คุณสามารถบริจาคได้อีกครั้ง
