เมื่อใดก็ตามที่มีพายุเข้าใกล้ประเทศไทย เรามักได้ยินชื่อพายุแปลก ๆ เช่น พายุโนรู พายุมูน หรือแม้แต่ “พายุวิภา” แล้วเคยสงสัยไหมว่า ใครเป็นคนตั้งชื่อพายุเหล่านี้? แล้ว “วิภา” คือใคร? ชื่อนี้มีที่มาอย่างไร?
🌪️ พายุมีชื่อได้ยังไง?
การตั้งชื่อพายุไม่ใช่การตั้งตามอำเภอใจ แต่เป็นกระบวนการที่มีระบบและมาตรฐาน โดยประเทศสมาชิกในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่ได้รับผลกระทบจากพายุหมุนเขตร้อน ได้รวมตัวกันตั้งคณะกรรมการภายใต้ “องค์การอุตุนิยมวิทยาโลก (WMO)” ในโครงการที่เรียกว่า Typhoon Committee
สมาชิกมีทั้งหมด 14 ประเทศ เช่น ไทย ญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ เวียดนาม จีน เกาหลีใต้ ฯลฯ แต่ละประเทศจะเสนอรายชื่อพายุของตนเองไว้ล่วงหน้า คนละ 10 ชื่อ โดยจะนำมาใช้หมุนเวียนกันไป หากพายุใดก่อให้เกิดความเสียหายมากก็จะมีการปลดชื่อออกจากบัญชีถาวร และเสนอชื่อใหม่แทนThaiSeoLink
🌧️ แล้ว “วิภา” มาจากไหน?
ชื่อ “วิภา” (Wipha) เป็น ชื่อที่ประเทศไทยเสนอ เข้าไปในบัญชีรายชื่อพายุของคณะกรรมการ Typhoon Committee ชื่อนี้ได้รับเลือกให้อยู่ในบัญชีตั้งแต่ปี 2544 โดยมีความหมายว่า
“ผู้มีความงดงาม” หรือ “หญิงสาวผู้มีสง่าราศี”
ซึ่งเป็นคำไทยที่แสดงถึงความอ่อนโยนและมีเสน่ห์ แม้จะฟังดูไม่ดุดันเหมือนพายุ แต่กลับแฝงความหมายที่ทรงพลังในแบบของผู้หญิงไทย
🌀 พายุวิภา เคยเกิดขึ้นจริงหรือไม่?
คำตอบคือ ใช่! พายุวิภาเคยก่อตัวขึ้นหลายครั้งในอดีต โดยเฉพาะปี 2013 (พ.ศ. 2556) ซึ่งพายุโซนร้อนวิภาทำให้เกิดฝนตกหนักในภาคเหนือและภาคอีสานของไทย จนหลายพื้นที่เกิดน้ำท่วมอย่างหนัก แม้พายุจะสลายตัวไปแล้ว แต่ชื่อ “วิภา” ก็ยังคงอยู่ในบัญชีและถูกนำกลับมาใช้ซ้ำได้ หากยังไม่มีเหตุให้ปลดออก
💡 ทำไมต้องใช้ชื่อคน?
การใช้ “ชื่อคน” ในการตั้งชื่อพายุ เป็นวิธีที่ช่วยให้ประชาชนจดจำได้ง่ายกว่าการใช้รหัสหรือตัวเลข เพราะชื่อที่ฟังง่าย ชัดเจน จะช่วยในการแจ้งเตือนและติดตามข่าวสารเกี่ยวกับพายุได้รวดเร็วมากขึ้นนั่นเอง
สรุป
ชื่อพายุอย่าง “วิภา” ไม่ได้ถูกตั้งเล่น ๆ แต่มีที่มาจากการเสนอโดยประเทศไทย และผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการนานาชาติภายใต้องค์การอุตุนิยมวิทยาโลก ชื่อนี้แม้จะดูงดงาม แต่พลังของพายุก็ไม่ควรประมาท การรู้ที่มาเช่นนี้ ไม่เพียงแต่ทำให้เรารู้สึกใกล้ชิดกับชื่อพายุมากขึ้น แต่ยังเตือนให้เรารับมือกับภัยธรรมชาติอย่างมีสติและความเข้าใจ