รีวิว Jurassic World Rebirth: จักรวาลไดโนเสาร์ที่ฟื้นคืน แต่พล็อตยังไร้น้ำหนัก ?
การกลับมาครั้งใหม่ของหนึ่งในแฟรนไชส์หนังไดโนเสาร์ระดับตำนาน Jurassic World Rebirth: จูราสสิค เวิลด์ กำเนิดชีวิตใหม่ คือความพยายามปลุกตำนานให้กลับมาโลดแล่นอีกครั้งบนจอภาพยนตร์ พร้อมกับการวางเดิมพันครั้งใหญ่เพื่อเปิดจักรวาลใหม่ในยุคหลังจากโลกถูกบุกยึดโดยสิ่งมีชีวิตดึกดำบรรพ์ ถึงแม้จะเซอร์วิสแฟนคลับได้ครบเครื่อง แต่ในเชิงพล็อตและน้ำหนักของเรื่องกลับไม่สามารถยกระดับตัวเองให้เหนือไปจาก “หนังแฟนเซอร์วิส” ได้เท่าที่ควร
จุดเริ่มต้นของการฟื้นชีวิต…แต่ไม่ฟื้นพล็อต
เรื่องราวในภาคนี้เกิดขึ้น 5 ปีหลังจากไดโนเสาร์แพร่กระจายสู่โลกกว้าง มนุษย์เรียนรู้แล้วว่าโลกยุคปัจจุบันไม่เหมาะสำหรับพวกมันอีกต่อไป เหล่าไดโนเสาร์จึงถูกผลักไสให้อยู่ในเขตแดนห่างไกล ณ ป่าดิบชื้นแถบเส้นศูนย์สูตร ซึ่งกลายเป็นเวทีใหม่ให้ผู้สร้างนำเสนอแง่มุมทางชีววิทยาและประโยชน์จากการศึกษาไดโนเสาร์เพื่อใช้ในทางการแพทย์
แต่ถึงแม้จะมีไอเดียแปลกใหม่ ตัวพล็อตกลับมีโครงสร้างที่อ่อนและแทบไม่มีความแปลกใจให้กับผู้ชม กลิ่นอายของการ “ยำรวม” ภาคเก่าถูกนำกลับมาปรุงใหม่จนแทบจะเดาทางได้หมดตั้งแต่กลางเรื่อง ยิ่งไปกว่านั้น การเดินเรื่องที่ค่อนข้างเนิบในช่วงต้นก็กระทบกับจังหวะของความสนุกในภาพรวมอย่างเลี่ยงไม่ได้
ผู้กำกับฝีมือเฉียบ แต่บทกลับไม่สนับสนุน
แกเร็ธ เอ็ดเวิร์ดส์ ผู้กำกับที่ฝากผลงานไว้กับ Rogue One (Star Wars) กลับมาโชว์ฝีมือการสร้างโลกสุดอลังการอีกครั้งใน Jurassic World Rebirth ด้วยงานสร้างและเทคนิคพิเศษระดับสูง การออกแบบฉากไล่ล่าในป่า, ฉากสู้กลางน้ำ ไปจนถึงการใช้โลเคชันธรรมชาติในประเทศไทยเกือบ 70% ของหนัง ทำให้ภาพที่ออกมาทั้งสมจริงและงดงามราวภาพวาด
แต่เมื่อบทภาพยนตร์ไม่แข็งแรงพอ วิสัยทัศน์ผู้กำกับก็เหมือนถูกพันธนาการ การเดินเรื่องถูกขับเคลื่อนด้วยสูตรสำเร็จเก่า ๆ ทำให้พลังของนักแสดงระดับแม่เหล็กอย่าง สการ์เล็ตต์ โจแฮนส์สัน, โจนาธาน เบลีย์ และ มาเฮิร์ซชาลา อาลี ไม่สามารถพาหนังไปได้ไกลอย่างที่ควรจะเป็น โดยเฉพาะบทของตัวละครหญิงนำ ที่แม้จะพยายามทำให้ดูเข้มแข็ง แต่กลับขาดมิติและความลึกในระดับที่ควรจะมี
จุดแข็งคือโปรดักชัน จุดอ่อนคือโครงเรื่อง
- เทคนิคงานสร้าง: ถือว่าทำได้ดีในระดับสากล CG ไดโนเสาร์ยังคงสมจริง มีการดัดแปลงพันธุกรรมเพื่อสร้างความแปลกใหม่ แม้จะไม่ว้าวเท่าภาคก่อน ๆ
- บรรยากาศ: ยังคงความระทึกแบบจูราสสิคได้อย่างดีเยี่ยม โดยเฉพาะช่วงไล่ล่าและซีนที่มีการเผชิญหน้าระหว่างมนุษย์กับสัตว์ดึกดำบรรพ์
- การแสดง: มีความสามารถ แต่โดนขัดขวางโดยบทที่ไร้น้ำหนัก
- จุดด้อย: เดาทางง่าย พล็อตไม่พัฒนา คาแรกเตอร์ไม่หลุดจากกรอบเดิม และขาดความสดใหม่
สรุป: เหมาะสำหรับแฟนจูราสสิค แต่ยังไม่ใช่จุดเริ่มของยุคใหม่
Jurassic World Rebirth คือหนังที่เหมาะสำหรับแฟน ๆ ที่ยังโหยหาโลกของไดโนเสาร์ มันมอบความบันเทิงในรูปแบบมาตรฐานที่คุณคาดหวังได้จากจักรวาลนี้ แต่หากคุณคาดหวังการพลิกเกม หรืออะไรใหม่ ๆ ที่น่าจดจำ ภาคนี้อาจยังไม่ใช่คำตอบ
คะแนนโดยรวม
- คะแนนเฉลี่ย: ⭐⭐⭐⭐⭐⭐✰✰✰✰ (6.4/10)
- การเล่าเรื่อง: ⭐⭐⭐⭐⭐⭐✰✰✰✰ (6.1/10)
- การแสดง: ⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐✰✰ (7.3/10)
- เทคนิคงานสร้าง: ⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐✰✰ (7.6/10)
- บทภาพยนตร์: ⭐⭐⭐⭐⭐✰✰✰✰✰ (5.2/10)
ข้อมูลภาพยนตร์
- ประเภท: แอคชัน / ผจญภัย / ไซไฟ / ระทึกขวัญ
- ผู้กำกับ: แกเร็ธ เอ็ดเวิร์ดส์
- นำแสดงโดย: สการ์เล็ตต์ โจแฮนส์สัน, มาเฮิร์ซชาลา อาลี, โจนาธาน เบลีย์
- ความยาว: 134 นาที
- กำหนดฉายในไทย: 2 กรกฎาคม 2025