หลังจากห่างหายไปกว่า 14 ปี แฟรนไชส์สยองขวัญระดับตำนาน Final Destination กลับมาอีกครั้งในภาคใหม่ล่าสุดที่ใช้ชื่อว่า Bloodlines หรือชื่อไทย ทายาทโกงตาย และเปิดตัวได้แรงที่สุดในประวัติการณ์ของซีรีส์นี้ พร้อมกระแสตอบรับจากทั้งนักวิจารณ์และคนดูที่เรียกได้ว่า “หลอนสมการรอคอย”
รายได้เปิดตัวแรงที่สุดในซีรีส์ Final Destination
- รายได้เปิดตัวในอเมริกา: 51.6 ล้านดอลลาร์
- รายได้รวมทั่วโลก (ณ วันที่ 22 พ.ค. 2025): 121.2 ล้านดอลลาร์
- เทียบกับภาคก่อนหน้า:
Final Destination 5 (2011): เปิดตัว 18.4 ล้านดอลลาร์
Final Destination 4 (2009): เปิดตัว 27.4 ล้านดอลลาร์
📈 กล่าวได้ว่า Bloodlines คือภาคที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในแง่รายได้
คะแนนรีวิวทะลุปรอททั้ง IMDb และ Rotten Tomatoes
- 🌟 Rotten Tomatoes (นักวิจารณ์): 93% Certified Fresh
- 🍿 Rotten Tomatoes (ผู้ชมทั่วไป): 89% จากกว่า 2,500 โหวต
- ⭐ IMDb: 7.1/10 (ถือว่าสูงเมื่อเทียบกับหนังสยองขวัญทั่วไป)
เสียงจากผู้ชมบน IMDb
- “แม้จะมีข้อบกพร่อง เช่น CGI ที่ดูไม่สมจริง และโทนเรื่องที่บางครั้งไม่สอดคล้องกับความจริงจังของเนื้อหา แต่ภาพยนตร์นี้สามารถสร้างความรู้สึกลึกซึ้งได้ ไม่ใช่แค่เรื่องความตายอีกต่อไป”
- “การตัดต่อทำได้ดี การออกแบบฉากยอดเยี่ยม และงาน VFX น่าชื่นชม ฉากไคลแม็กซ์นอกบ้านปลอดภัยและจุดหักมุมสุดท้ายทำให้รู้สึกถึงความตึงเครียดอย่างแท้จริง”
- “แม้จะไม่ใช่ภาพยนตร์ที่ดีที่สุดในแฟรนไชส์ แต่ก็ไม่ใช่แย่ที่สุดเช่นกัน ถือว่าเป็นภาคที่สี่ที่มีความสมดุลระหว่างความสยองและความบันเทิง”
- “มีบางอย่างเกี่ยวกับเอฟเฟกต์พิเศษที่ทำให้คุณรู้สึกติดตาและหลอนหลังจากดูจบ Bloodlines มักจะแลกเปลี่ยนสิ่งนั้นกับ CGI ที่ดูไม่สมจริง ซึ่งอาจทำให้ความรู้สึกหลอนลดลง”
เสียงจากผู้ชมบน Rotten Tomatoes
- “Bloodlines ดีกว่าที่คาดไว้มาก ด้วยการแสดงที่มั่นคง ฉากการตายที่ทำให้รู้สึกไม่สบายใจ การสร้างภาพยนตร์ที่สร้างสรรค์ และการอำลาที่น่ารักต่อไอคอนสยองขวัญ Tony Todd”
- “ภาพยนตร์นี้นำเสนอสิ่งที่ยอดเยี่ยมเกี่ยวกับแฟรนไชส์สยองขวัญและระทึกขวัญ: ฉากการตายและวิธีการที่เกิดขึ้น น่าจะเป็นภาคที่ดีที่สุดของซีรีส์จนถึงตอนนี้”
รวมรีวิวจากโซเชียล
😵 “ดูแล้วระแวงทุกอย่างรอบตัว! แค่เห็นประตูหมุนก็รู้สึกเหมือนความตายกำลังจะมา” – @filmnerdx (Twitter)
🪦 “ชอบที่ภาคนี้กลับไปเน้นความตึงเครียดแบบภาค 1 กับ 2 ไม่ได้แค่โชว์ฉากตายเวอร์ ๆ แต่บีบอารมณ์สุดๆ” – user8652 (Reddit)
😳 “หนังหลอกให้เรารู้สึกปลอดภัย แล้วก็จัดหนักฉากตายแบบไม่ให้ตั้งตัว! สะใจมาก” – TikTok @horrorjunkie_666
🧠 “นี่อาจเป็นภาคเดียวที่ทำให้ฉันอยากรู้จักที่มาของ ‘Bludworth’ จริงจัง รู้สึกว่าเขาไม่ใช่แค่ตัวประกอบอีกต่อไป” – @CinemaLore (X)
😬 “ให้ 8/10 เลยสำหรับคนที่เคยดูทุกภาค นี่คือการ ‘รีบูตแบบนุ่มๆ’ ที่ได้ผลและไม่ลืมแฟนรุ่นเก่า” – Facebook: Final Destination Fans TH
🤯 “ดูรอบดึกคนเดียวคือพลาดมาก! แสงในห้องน้ำตอนกลับบ้านยังทำให้ตกใจเองเลย” – Instagram: @movieinmysoul
📽️ “Final Destination: Bloodlines มีพล็อตแบบที่ทำให้รู้สึกว่าแฟรนไชส์นี้ ‘ยังมีอะไรจะเล่า’ ไม่ใช่แค่ตายวนลูปเฉยๆ” – YouTube คอมเมนต์บนช่อง IGN
โพลบน X (Twitter)
- ⭐⭐⭐⭐⭐ – 42%
- ⭐⭐⭐⭐ – 35%
- ⭐⭐⭐ – 15%
- ⭐⭐ หรือน้อยกว่า – 8%
ถ้าคุณยังไม่ดู นี่คือเรื่องย่อแบบไม่สปอยล์
Bloodlines ว่าด้วยเรื่องของกลุ่มวัยรุ่นในเมืองเล็ก ๆ ที่รอดชีวิตจากเหตุการณ์สะเทือนขวัญอย่างปาฏิหาริย์ แต่แทนที่จะโล่งใจ ความตายกลับเริ่มตามไล่ล่าพวกเขาทีละคนอย่างไม่ปรานี สิ่งที่พวกเขาต้องทำคือสืบย้อนอดีตของ “คำสาปแห่งการรอด” ที่อาจมีจุดเริ่มต้นจากรุ่นก่อนหน้า และมันกำลังจะวนกลับมาอีกครั้ง
นักแสดงนำและทีมงานเบื้องหลัง
- 🎭 Brec Bassinger รับบทหญิงสาวผู้มีนิมิตเห็นลางตายก่อนเกิดเหตุ
- 🎭 Tony Todd กลับมารับบท William Bludworth ผู้มีปริศนาเกี่ยวกับวงจรความตาย
- 🎬 กำกับโดย Zach Lipovsky และ Adam B. Stein คู่หูจาก Freaks (2018) ที่ถนัดหนังทริลเลอร์หลอนประสาท
แล้วคุณล่ะ มีความคิดเห็นยังไงบ้าง?
หากคุณเป็นแฟน Final Destination รุ่นเก๋า หรือคนที่ชอบหนังแนวตึงเครียดแบบเดาทางไม่ได้ ภาคนี้คือการกลับมาที่ไม่ควรพลาด ด้วยฉากตายที่สร้างสรรค์ เนื้อเรื่องที่โยงกับต้นกำเนิด และการกลับมาของตัวละครในตำนาน
🎟️ Final Destination: Bloodlines เข้าฉายแล้วทุกโรงภาพยนตร์
อ้างอิงข้อมูล: IMDb และ Rotten Tomatoes
