ตั้งแต่กลางปี 2567 เป็นต้นมา รัฐบาลไทยได้เริ่มดำเนินนโยบายใหม่ในการจ่ายเงินเดือนข้าราชการแบบ “เข้า 2 รอบต่อเดือน” เพื่อบรรเทาภาระค่าครองชีพของข้าราชการไทยในยุคที่เศรษฐกิจมีความผันผวนและรายจ่ายจำเป็นเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องตลอดเดือน มาตรการนี้นับเป็นก้าวสำคัญในการเพิ่มความคล่องตัวด้านการเงินให้แก่ผู้ปฏิบัติงานภาครัฐกว่า 1.8 ล้านคนทั่วประเทศ ThaiSeoLink
รายละเอียดของนโยบาย
รัฐบาลได้กำหนดการจ่ายเงินเดือนข้าราชการใหม่เป็น 2 งวดต่อเดือน ดังนี้:
- รอบแรก: วันที่ 15 ของทุกเดือน (จ่ายเงินเดือนบางส่วน)
- รอบที่สอง: วันที่ 30 หรือ 31 ของเดือนนั้น (จ่ายเงินเดือนส่วนที่เหลือ)
โดยยอดเงินรวมที่ได้รับในแต่ละเดือนจะ เท่าเดิม ไม่เปลี่ยนแปลง เพียงแค่แบ่งจ่ายให้ถี่ขึ้น เพื่อให้สามารถบริหารค่าใช้จ่ายได้ดีขึ้น
เหตุผลที่รัฐบาลนำระบบนี้มาใช้
- ช่วยบรรเทาภาระค่าครองชีพ
ข้าราชการจำนวนมากมีรายจ่ายรายวัน เช่น ค่าเดินทาง ค่าอาหาร ค่าผ่อนบ้าน/รถ และหนี้สินต่าง ๆ การได้รับเงินบางส่วนกลางเดือนจะช่วยลดการกู้ยืมหรือเบิกเงินเดือนล่วงหน้า - ส่งเสริมวินัยทางการเงิน
การแบ่งจ่ายเป็นสองงวดทำให้ผู้รับเงินเรียนรู้ที่จะวางแผนทางการเงินเป็นรายช่วงแทนที่จะใช้จ่ายแบบก้อนเดียว - ลดความเสี่ยงการก่อหนี้สินเกินตัว
โดยเฉพาะหนี้นอกระบบที่มักเกิดในช่วงปลายเดือน การได้รับเงินล่วงหน้าบางส่วนจะช่วยลดความจำเป็นในการกู้ยืม
ผลกระทบที่เกิดขึ้น
ด้านบวก
- ข้าราชการส่วนใหญ่โดยเฉพาะระดับล่าง เช่น ครู อสม. หรือเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ มีความพึงพอใจกับระบบใหม่นี้
- ลดภาระดอกเบี้ยจากการใช้บัตรเครดิตหรือสินเชื่อระยะสั้น
- เพิ่มสภาพคล่องให้กับระบบเศรษฐกิจระดับฐานราก
ด้านที่ต้องปรับตัว
- บางคนยังคุ้นชินกับการจัดสรรเงินแบบรายเดือน ต้องปรับรูปแบบการใช้จ่ายใหม่
- ระบบบัญชีเงินเดือนในบางหน่วยงานต้องปรับโปรแกรมหรือขั้นตอนการโอนเงินใหม่
เสียงสะท้อนจากข้าราชการ
- “ก่อนหน้านี้เงินหมดปลายเดือนต้องใช้บัตรเครดิต พอได้รอบกลางเดือน ก็ไม่ต้องหยิบยืมแล้วค่ะ” – ครูโรงเรียนประถมในจังหวัดมหาสารคาม
“ตอนแรกไม่ชิน แต่พอวางแผนรายจ่ายดี ๆ แล้วมันช่วยได้มาก” – เจ้าหน้าที่ปกครอง อำเภอหนึ่งในภาคเหนือ
